16.11.12

ธรรมทูตตอนหนึ่ง

ธรรมทูตคืออะไร? บางคนคิดว่าธรรมทูตเป็นแค่คนที่เดินไปทุกที่เพื่อสอนศาสนา บางคนมองเป็นพวกไม่ทำอะไรเลย บางคนก็มองธรรมทูตผู้ที่ช่วยสร้างสังคมใหม่ ข้าพเจ้าเคยเจอ บางคนเห็นพระสงฆ์ ฆราวาสคาทอลิกก็รีบเดินหนี สมาชิกพระศาสนาจักรบางทีก็ตกอยู่ในบรรยากาศ "ขาดงานทำกระทันหัน" นึกแล้วก็น่าหัวเราะดี บางทีก็ทำให้คิดนะว่าบางทีความคิดของคนไทยเกี่ยวกับศาสนาเราอาจจะยังเข้าใจอะไรผิด พวกเราก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างทีคิด (สังเกตพ่อฝรั่งเราสิ ออกจะดูใจดี) อีกใจหนึ่งก็คิดว่าพระองค์ต้องการให้พวกเขามาพบเราในเวลาที่พระองค์กำหนดไว้ ทุกอย่างเลยเป็นเรื่องของพระจิต คำว่า"ธรรมทูต" นอกจากจะมีความหมายถึงกลุ่มคนที่ทำงานให้พระแล้ว อีกนัยหนึ่งที่สำคัญและตรงกันทั้งฆราวาสและพระสงฆ์คือ "ผู้ทำทุกอย่างตามน้ำพระทัย" "โดยทางศีลล้างบาปทำให้ทั้งฆราวาสและพระสงฆ์เป็นหนึ่งเดียวกันในการเป็นประจักษ์พยาน เป็นภาพฉายาลักษณ์ของพระเจ้าและเป็นผู้ร่วมพันธกิจแห่งการประกาศข่าวดี" โดยความเป็นจริงแล้ว คริสตชนมักจะฝากความหวังและหน้าที่รับผิดชอบไว้ที่พระสงฆ์ อาจจะคิดว่า หนึ่ง เป็นหน้าที่ของท่าน สอง กลัวจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่น (เพราะรู้สึกว่าตนเองไม่ดีพอ) สาม กลัวว่าจะตอบคำถามมากมายที่คนต่างศาสนาถาม กลุ่มคนที่คนต่างศาสนาเรียกว่าเป็น "ลูกของพระเจ้า" เปรียบดั่งกระจกสะท้อนความรักของพระเจ้า หากกระจกบานนั้นไม่สามารถสะท้อนภาพลักษณ์ของเจ้าของๆมันได้ เราก็ไม่ควรเรียกสิ่งนั้นว่ากระจก เช่นเดียวกันเราก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่า "ฉันคือลูกของพระเจ้า" เพราะไม่ได้เป็นดั่งกระจกสะท้อนความรักของพระองค์ให้ผู้อื่นได้เห็น ธรรมทูตต้องรักพระเจ้าอย่างแท้จริงนอกจากตำแหน่งธรรมทูตจะเป็นอะไรที่ต้องเหนื่อยและเสียสละเป็นอย่างมากแล้ว ก็ยังเป็นอะไรที่จะต้องระวังปีศาจที่จะมาผจญอยู่ตลอดเวลาทั้งฝ่ายจิตและฝ่ายกาย สิ่งที่เป็นอันตรายสำหรับฝ่ายจิตมากคือ "ความหลง" ส่วนฝ่ายกายคือ "ความรัก" ไม่ใช่รักอะไรเลย รักความสะดวกสบายและรักความสวยงาม ข้าพเจ้าจะไม่ขอกล่าวถึงเรื่องนี้ ส่วนความหลงก็มีหลายหลง ยกตัวอย่างเช่น "หลงในเงินทอง" ธรรมทูตบางคนตื่นมาในตอนเช้าพร้อมกับความคิดแรก "วันนี้ฉันจะทำรายได้ได้เท่าไหร่?" ฟังแล้วปวดใจแทน จริงๆแล้วเงินมันก็เป็นแค่เครื่องมือหนึ่งของพระ มีความจำเป็นก็จริง แต่ก็น้อยถ้าเทียบกับงานประกาศข่าวดี ให้เราระลึกไว้เสมอว่า เมื่อใดที่เห็นเงินมีค่ามากกว่าพระเจ้า วันนั้นเรากำลังตกเป็นทาสของปีศาจและกำลังอยู่ห่างจากพระเจ้า บทสวดในใจเดิมๆของเราอาจจะเปลี่ยนไปตามความคิดเรา "เปลี่ยนใจแล้ว" จากที่สวด "ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง..." ในวันนั้นเราคงจะสวดว่า "ข้าแต่เงินตราที่ข้าพเจ้าหามาได้ ความฝันหนึ่งเดียวของข้าในสวรรค์ ดอลลาร์ยูโรจงเป็นที่สักการะ ทรัพย์สินนาๆจงมาถึง..." ข้าพเจ้าได้แต่คิดว่าคงไม่มีใครเป็นแบบนี้ ถามตัวเองดู "ฉันเป็นธรรมทูตเพื่ออะไร?" เจ้านายของเราคือพระไม่ใช่เงินทองของโลก ไม่มีที่รับใช้ทั้งเงินทองทั้งพระเจ้าในเวลาเดียวกันได้ ในพระธรรมมัทธิว 6:24 กล่าวว่า “ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้ เพราะว่าเขาจะชังนายข้างหนึ่งและรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือเขาจะนับถือนายฝ่ายหนึ่งและดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้” กีรติ เศรษฐรุจิ ธรรมทูตน้อย

Keine Kommentare:

Kommentar veröffentlichen